สีพ่นรถยนต์ และสารเคมีที่ใช้
สีพ่นรถยนต์ และสารเคมีที่ใช้ สีพ่นรถยนต์ในเมืองไทย ที่อู่ซ่อมรถยนต์ต่างๆนิยมใช้ ก็จะมีอยู่ 3 ชนิด(ขอใช้ภาษาทีง่ายต่อการทำความเข้าใจ)
- สีแห้งเร็ว
- ตัวทำละลายหรือตัวผสม(Solvent) คือ ทินเนอร์ (Thinner) 3A หรือจะใช้ Acrylic Thinner 3609 ก็ได้
- แลคเกอร์ (Lacquer) ชนิดแห้งเร็วโดยผสมในสีและทินเนอร์ พร้อมกันตามอัตราส่วนที่ระบุไว้
- เป็นสีผสมเสร็จ ตามเบอร์สีของแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น - สีแห้งเร็วที่มีขั้นตอนการเคลือบทับหน้าด้วย แลคเกอร์ แบบระบบสีแห้งช้า
- สี Acrylic แห้งเร็ว ต้องมีการผสมแม่สีเข้าด้วยกันตาม สูตรและน้ำหนัก ของเบอร์สีที่ต้องการ
- ตัวทำละลายหรือตัวผสม(Solvent) คือ Acrylic Thinner 3609 เท่านั้น
- การเคลือบทับหน้าจะใช้ แลคเกอร์ แห้งเร็ว ชนิดที่มีตัวเร่ง(Hardener) - สีแห้งช้า 2K
- สี 2 K ต้องมีการผสมแม่สีเข้าด้วยกันตามสูตรและน้ำหนัก ของเบอร์สีที่ต้องการ
- ตัวทำละลายหรือตัวผสม (Solvent) คือ 2 K Thinner หรือ Acrylic Thinner 3609 (แต่ไม่แนะนำ)
- การเคลือบทับหน้าจะใช้ แลคเกอร์ 2K แห้งช้า ชนิดที่มีตัวเร่ง(Hardener)
**กรณีที่เป็นสี Solid บางยี่ห้อ สามารถใช้แลคเกอร์ 2K อีกชนิด ผสมในเนื้อสี พ่นในขั้นตอนเดียวก็ได้
ถ้าแบ่งตามลักษณะของสี คือ
- สีเมทัลลิค Metalic มีเม็ดบรอนซ์ผสมอยู่ในสี
- สีธรรมดา Solid สีที่ไม่มีเม็ดบรอนซ์ผสมอยู่ในสี
- สีมุก Pearl สีที่ผสมผงมุก ลงในเนื้อสี
ปกติอู่ซ่อมรถยนต์ทั่วไป จะนิยมใช้ สีแห้งเร็วที่มีขั้นตอนการเคลือบทับหน้าในแบบแห้งช้า หรือจะเรียกว่า แห้งเร็ว 2K หรือจะเรียกว่า กึ่งแห้งช้า ก็ได้
การใช้สีแห้งเร็วแบบที่ 1 นั้นไม่นิยมใช้แล้วเนื่องจากคุณภาพของงานที่ออกมาไม่ดี สีไม่เงางามเท่าที่ควร และราคาวัสดุที่ใช้ก็ไม่ต่างกันมากเหมือนก่อน อู่จึงหันมาใช้แบบ ที่ 2 กันมากที่สุด
ระบบสีแห้งช้า 2K ไม่เป็นที่นิยมกันมากนัก เพราะขั้นตอนการทำงานจะช้ามาก เช่นต้องปล่อยให้แห้งตัว 10 ชั่วโมงขึ้นไป ถึงจะทำการขัดสีได้ หรือหากเกิดความผิดพลาด ต้องทำการพ่นซ่อมได้ต้องหลังจากนั้น 8 - 10 ชั่วโมง ส่วนระบบกึ่งแห้งช้า นั้นสามารถพ่นซ่อมได้หลัง 4 ชั่วโมงและทำการขัดสีได้ภายใน 8 ชั่วโมง